กล้องวงจรปิด ส่วนมากที่ใช้งานในปัจจุบันนี้มี 2 แบบ คือ
1. กล้องวงจรปิดแบบ (Fix Camera)
2. กล้องวงจรปิดแบบถหมุนได้-ซูมได้ ควบคุมได้ (Pan/Tilt/Zoom Camera)
1. กล้องวงจรปิดแบบ (Fix Camera)
คือ กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไปแล้วไม่สามารถจะขยับตัวกล้อง หรือ หมุนเปลี่ยนทิศทางมุมมองในการดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ถ้าต้องการหมุนหรือเปลี่ยนทิศทาง ก็จะต้องถอดตัวกล้องแยกออกจากขากล้อง แล้วยึดติดกล้องวงจรปิดในต่ำแหน่งใหม่แทน
2. กล้องวงจรปิดแบบถหมุนได้-ซูมได้ ควบคุมได้ (Pan/Tilt/Zoom Camera)
คือกล้องวงจรปิดที่ สามารถปรับให้หมุนซ้าย / ขวา ก้ม-เงย ซูม ได้ โดยผ่านทาง เครื่องควมคุม ( Key Board Control ) ซึ่งกล้องวงจรปิดชนิดนี้เรียกว่า กล้อง Speed Dome สามารถหมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา และ ซูมภาพได้ไกล 100-300 เมตร ( แล้วแต่รุ่นของกล้องวงจรปิด ) สามารถปรับมุมก้มเพื่อจะดูวัตถุ หรือคนที่อยู่บนพื้นดิน ซึ่งมีระดับต่ำกว่าตำแหน่งที่ติดตั้งกล้อง หรือมุมเงยเพื่อมองไปยังอาคารที่สูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นทิศทางตรงด้านหน้า หรือจะหมุนไป ยังทิศทางอื่นๆ ก็สามารถทำได้ การพิจารณาเลือกใช้ กล้องวงจรปิด Speed Dome ควรเลือกให้เหมาะสมกับงาน เช่น ติดตั้งภายในอาคารสำนักงาน สภาพแวดล้อมปกติ ก็ควรใช้ กล้องวงจรปิด Speed Dome แบบ Indoor ธรรมดาสำหรับที่ใช้ภายในอาคาร แต่ถ้าเป็นการใช้งงานภายนอกอาคาร ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้ กล้องวงจรปิด Speed Dome แบบ Out door ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ให้เหมาะสมกับสภาพของสถานที่นั้นๆ ซึ่งอาจจะมีราคาค่อนข้างสูงจนถึงสูงมาก :ซึ่งตัวกล้องวงจรปิดสามารถทนทนต่อแดดและฝนได้
โดยทั่วไปเลนส์แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
1. FIX IRIS เป็นเลนส์ที่ไม่สามารถปรับช่องรับแสงได้ควรใช้ในสถานที่ภายในอาคารที่มีแสงสว่างคงที่ตลอดเวลา
2. MANUAL IRIS เป็นเลนส์ที่สามารถปรับช่องรับแสงได้เหมาะสำหรับงานในอาคารที่มีความสว่างในแต่ละห้องไม่เท่ากันซึ่งสามารถปรับแสงให้เหมาะสมในแต่ละห้องได้
3. AUTO IRIS เป็นเลนส์ที่สามารถปรับช่องรับแสงได้เองโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบเลนส์ซึ่งเหมาะสำหรับการติดตั้งนอกอาคารที่ความสว่างเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม
การคำนวนมุมความกว้าง ของกล้องวงจรปิด
เลนส์ 2.8 มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 81.20 องศา
เลนส์ 3.6 มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 75.17 องศา
เลนส์ 4.0 มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 59.49 องศา
เลนส์ 6.0 มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 43.60 องศา
เลนส์ 8.0 มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 33.40 องศา
เลนส์ 12. มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 22.62 องศา
เลนส์ 16. มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 17.06 องศา
เลนส์ 20. มม. รูรับแสง 1/3 ความกว้างโดยประมาณ 13.69 องศา
เลนส์ 2.8 มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 59.49 องศา
เลนส์ 3.6 มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 54.55 องศา
เลนส์ 4.0 มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 41.71 องศา
เลนส์ 6.0 มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 29.86 องศา
เลนส์ 8.0 มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 22.62 องศา
เลนส์ 12. มม. รูรับแสง 1/4 ความกว้างโดยประมาณ 15.19 องศา
Coaxial (โคแอคเชียล) หรือ “สายแกนร่วม” หรือ RG (Radio Guide) หรือ สายนำสัญญาณวิทยุ เพื่อป้องกันการสับสนมันคือสายชนิดเดียวกันนั่นเอง |
|
1. Conductor (ตัวนำสัญญาณ) ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเหล็กหุ้มด้วยทองแดง ถ้าหุ้มด้วยทองแดง CCS (Copper Covered Steel)จะบอกเป็น % ของทองแดงหุ้มหรือบางครั้งจะใช้เป็นทองแดงล้วนไปเลย สาเหตุที่ส่วนใหญ่ไม่ใช้เป็นแกนทองแดงล้วนเพราะ ราคาทองแดงราคาสูง และกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่จะไหลผ่านตัวนำที่บริเวณพื้นที่ผิวของวัตถุ |
2. Insulator (ฉนวนหุ้ม)ทำหน้าที่ป้องกันสัญญาณรบกวน จะใช้เป็นโฟม หรือ PE แล้วหุ้มทับด้วยเทปอลูมิเนียม |
3. Wire Braid Shield (ชิลด์หรือเส้นถัก) ส่วนใหญ่ทำจากอลูมิเนี่ยมและทองแดง ป้องกันการแพร่กระจายของสัญญาณรบกวน และการกระจายของสัญญาณออกมาภายนอก จะบอกเป็น % คือพื้นที่ความหนาแน่นที่ในการถัก เช่น 60% 90% 95% สูงสุดอยู่ที่ 95% หรือจำนวนของเส้นที่ใช้ในการถัก เช่น 112, 120, 124, 144 เส้นยิ่งมากก็ยิ่งช่วยในการนำสัญญาณได้ดี และป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ทำให้เดินได้ในระยะที่ไกลขึ้นและป้องกันการกวนของสัญญาณจากภายนอกได้ดี |
4. Jacket (เปลือกหุ้มสาย) ทำหน้าที่หุ้มสายทั้งหมด ถ้าใช้ภายในจะทำด้วย PVC (Polyvinylchloride) ส่วนภายนอกจะใช้วัสดุที่เป็นPE (Polyethylene ) ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถป้องกันน้ำและทนแดด สามารถใช้ภายนอกได้ |
สายที่ส่วนมากที่นิยมใช้สำหรับกล้องวงจรปิดจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด มาตรฐานของสายสัญญาณ RG ระยะที่แนะนำมีดังนี้ |
|
ถ้าระยะที่เกินกว่านี้ส่วนมากจะใช้ไฟเบอร์ออฟติกเพื่อทำการแปลงสัญญาณจาก Analog เป็นคลื่นแสงแบบดิจิตอล แล้วทำการแปลงสัญญาณกลับมาเป็นสัญญาณ Analog ที่ใช้กับกล้องอีกครั้ง เช่น ไฟเบอร์ออฟติก แบบมัลติโหมด สามารถเดินได้ถึง 2 กิโลเมตร ส่วนถ้าเป็น Single Mode สามารถเดินได้ถึง 80 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว
|